วิธีการบริโภคเห็ดหลินจือ เห็ดหลินจือแดงสกัด
นำเห็ดหลินจือมาบดแห้ง บรรจุแคปซูลเหมือนสมุนไพรทั่วๆไป
วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ง่ายและราคาถูก แต่ได้สารสำคัญจากเห็ดหลินจือน้อยมาก
เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยสกัดเอาสารที่สำคัญดูดเข้าไปใช้ในร่างกายได้
รับประทานมากจะเกิดอาการท้องอืด เพราะเห็ดหลินจือ
มีลักษณะแข็งคล้ายเนื้อไม้ ย่อยยาก ไม่เหมือนสมุนไพรทั่วๆไป
(ไม่แนะนำใช้ใช้วิธีนี้)
นำเห็ดหลินจือที่ฝานเป็นชิ้นมาต้มกับน้ำ แล้วใช้เฉพาะน้ำเห็ดหลินจือดื่ม
วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ราคาถูก ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือประมาณ 30 %
เนื่องจากเห็ดหลินจือประกอบด้วยสารที่สามารถละลายในน้ำได้ 30 %
ถึงแม้วิธีนี้จะได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือไม่ครบแต่ก็มากกว่าวิธีแรก
โดยจะต้องนำเห็ดหลินจือที่ฝานเป็นชิ้น มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ
แล้วมาต้มกับน้ำด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
เอาเฉพาะน้ำเห็ดหลินจือมาดื่ม แต่ต้องดื่มในปริมาณที่มากๆ หน่อย
นำเห็ดหลินจือมาสกัด โดยใช้เทคโนโลยีในการสกัดร้อน หรือสกัดเย็น บรรจุรูปแบบแคปซูล
วิธีนี้ถึงแม้ต้นทุนจะสูง
ราคาแพงแต่ได้ปริมาณสารสำคัญในเห็ดหลินจือที่มีประโยชน์ครบถ้วนมากที่สุดและ
สะดวกในการบริโภค เหมาะกับการใช้บำรุงร่างกาย ป้องกันและรักษาโรค
แต่ละวิธีจะได้ปริมาณสารสำคัญในเห็ดหลินจือไม่เท่ากัน
แนะนำให้บริโภคเห็ดหลินจือที่ได้จากการสกัดโดยใช้เทคโนโลยีการสกัด
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือมากที่สุด เพราะ
เห็ดหลินจือประกอบด้วยสารที่สามารถละลายในน้ำได้ 30 ส่วนเท่านั้น
ไม่ว่าจะต้มนานเท่าไรก็ตาม
ดังนั้นในการบริโภคเห็ดหลินจือด้วยวิธีต้มจะได้รับประโยชน์เพียง 30%
เพื่อรักษาคงคุณภาพของสปอร์เห็ดหลินจือ
เพราะสปอร์เห็ดหลินจือเมื่อผ่านความร้อนคุณค่าจะลดลง
ทดสอบดอกเห็ดหลินจือแดง
ให้ถอดแคปซูลออกเทเอาเฉพาะตัวยาเห็ดหลินจือลงในแก้วน้ำ เทน้ำตามลงเล็กน้อย คนให้ละลาย จะสังเกตได้ว่า
กรณีที่เป็นดอกเห็ดหลินจือแดงผสมสปอร์
ถ้าเป็นดอกเห็ดหลินจือแดงสกัดจะต้องละลายน้ำได้ง่าย
เมื่อละลายกับน้ำแล้วจะมีสีน้ำตาลแดง และมีสปอร์แขวนลอยอยู่
และจะต้องไม่มีขี้เลื่อยหรือเศษไม้บน
สปอร์เห็ดหลินจือที่แตกตัวแล้วจะไม่ละลายน้ำ จะแขวนลอยอยู่
มีลักษณะคล้ายผงสีน้ำตาลแดงเข้ม รสข่มเฝื่อนๆ
เห็ดหลินจือแดงที่ผสมสปอร์จะให้คุณค่าทางยาสูงมาก
แต่ถ้านำดอกเห็ดหลินจือแดงสกัดละลายน้ำแล้ว ละลายน้ำง่ายและมีสีน้ำตาลแดง
รสข่มเฝื่อนๆ แต่ไม่มีสปอร์แขวนลอยอยู่
แสดงว่าเป็นเห็ดหลินจือสกัดเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ผสมสปอร์เลย
กรณีนี้ก็ให้คุณค่าทางยามากเหมือนกันแต่สู้กรณีแรกไม่ได้
แต่ถ้าเห็ดหลินจือละลายยากและมีขี้เลื่อยหรือเศษไม้
แสดงว่าเป็นเห็ดหลินจือบดธรรมดาไม่ใช่เห็ดหลินจือสกัด
กรณีนี้ให้คุณค่าทางยาน้อยมาก เพราะร่างกายดูดซึมไม่ได้
ไม่ผสมสมุนไพรตัวอื่น) ควรจะเป็นเวลาที่ท้องว่าง
เพื่อให้ร่างการดูดซีมเห็ดหลินจือได้ดี
เห็ดหลินจือไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารจึงสามารถทานก่อนอาหารได้ ยกเว้น
กรณีที่นำเห็ดหลินจือไปผสมกับสมุนไพรตัวอื่นที่ระคายเคืองกระเพาะถึงจะทาน
หลังอาหาร
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทานเห็ดหลินจือ คือ ช่วงตื่นนอนตอนเช้า
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่างที่สุด และร่างกายได้ออกกำลังกาย
หรือเคลื่อนไหว ร่างกายจะสูบฉีดเลือดได้ดี
อีกช่วงเวลาหนึ่งที่คนนิยมทานเห็ดหลินจือ คือช่วงเวลาก่อนนอน
ซึ่งควรจะทานเห็ดหลินหลินจือก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง
มิใช่ทานเห็ดหลินจือแล้วเข้านอนเลย เหตุผลที่ให้ทานก่อนเข้านอน 1
ชั่วโมงก็เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาสูบฉีดเห็ดหลินจือไปตามส่วนของร่างกาย
ก่อน
เนื่องจากในขณะที่คนเรานอนหลับหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดีเท่าตอนที่เราตื่นนั่น
เอง
ปริมาณในการทานเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่บำรุงตับ หัวใจและไต
ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จัดเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับบำรุงร่างกาย
และปลอดภัยในการทางระยะยาว
ส่วนปริมาณการทานนั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและวัตถุประสงค์
แนะนำการทานอย่างคร่าวๆ ดังนี้
Link: เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ [lingzhi]
สารสำคัญในเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรค
เห็ดหลินจือกับโรคหัวใจ
เห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง
เห็ดหลินจือ- มะเร็งลำไส้ใหญ่
วิจัยเห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง
วิธีการบริโภคเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ กาโน-เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์ รากและดอก
วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ง่ายและราคาถูก แต่ได้สารสำคัญจากเห็ดหลินจือน้อยมาก
เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยสกัดเอาสารที่สำคัญดูดเข้าไปใช้ในร่างกายได้
รับประทานมากจะเกิดอาการท้องอืด เพราะเห็ดหลินจือ
มีลักษณะแข็งคล้ายเนื้อไม้ ย่อยยาก ไม่เหมือนสมุนไพรทั่วๆไป
(ไม่แนะนำใช้ใช้วิธีนี้)
วิธีนี้ต้นทุนต่ำ ราคาถูก ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือประมาณ 30 %
เนื่องจากเห็ดหลินจือประกอบด้วยสารที่สามารถละลายในน้ำได้ 30 %
ถึงแม้วิธีนี้จะได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือไม่ครบแต่ก็มากกว่าวิธีแรก
โดยจะต้องนำเห็ดหลินจือที่ฝานเป็นชิ้น มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ
แล้วมาต้มกับน้ำด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
เอาเฉพาะน้ำเห็ดหลินจือมาดื่ม แต่ต้องดื่มในปริมาณที่มากๆ หน่อย
วิธีนี้ถึงแม้ต้นทุนจะสูง
ราคาแพงแต่ได้ปริมาณสารสำคัญในเห็ดหลินจือที่มีประโยชน์ครบถ้วนมากที่สุดและ
สะดวกในการบริโภค เหมาะกับการใช้บำรุงร่างกาย ป้องกันและรักษาโรค
แนะนำให้บริโภคเห็ดหลินจือที่ได้จากการสกัดโดยใช้เทคโนโลยีการสกัด
เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเห็ดหลินจือมากที่สุด เพราะ
เห็ดหลินจือประกอบด้วยสารที่สามารถละลายในน้ำได้ 30 ส่วนเท่านั้น
ไม่ว่าจะต้มนานเท่าไรก็ตาม
ดังนั้นในการบริโภคเห็ดหลินจือด้วยวิธีต้มจะได้รับประโยชน์เพียง 30%
ข้อแนะนำในการบริโภคเห็ดหลินจือ
- ควรบริโภคเห็ดหลินจือก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง
แต่สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะให้รับประทานเห็ดหลินจือหลังอาหาร 2
ชั่วโมงแทน เนื่องจาก
ควรรับประทานขณะท้องว่าง เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึม
- ในสัปดาห์ 2 สัปดาห์แรกที่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือ ให้รับประทานในปริมาณน้อยก่อนเพื่อให้ร่างกายเกิดการปรับตัว
- ควรบริโภควิตามินซีร่วมด้วยเนื่องจากสารโพลีแซคคาไรด์
(Polysaccharides) ในเห็ดหลินจือ
มีโครงสร้างที่สับซ้อนบางท่านอาจจะย่อยยากจึงควรรับประทานวิตามินซี
หรืออาหารที่มีวิตามินซีสูงร่วมด้วย เพื่อช่วยในการดูซึมสารโพลีแซคคาไรด์
(Polysaccharides) เข้าสู่ร่างกาย
การเลือกซื้อเห็ดหลินจือ
ควรเลือกยี้ห้อที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ ดูจาก- มีฟาร์มปลูกเห็ดหลินจือ
- มีโรงงานผลิตและบรรจุเห็ดหลินจือ
- ได้คุณภาพมาตรฐาน
- มีการรับประกันสินค้า
วิธีการทดสอบเห็ดหลินจือแดงสกัด
ในการทดสอบเห็ดหลินจือควรทดสอบโดยใช้น้ำที่อุณหภูมิปกติ ไม่ใช่น้ำร้อนเพื่อรักษาคงคุณภาพของสปอร์เห็ดหลินจือ
เพราะสปอร์เห็ดหลินจือเมื่อผ่านความร้อนคุณค่าจะลดลง
ทดสอบดอกเห็ดหลินจือแดง
ให้ถอดแคปซูลออกเทเอาเฉพาะตัวยาเห็ดหลินจือลงในแก้วน้ำ เทน้ำตามลงเล็กน้อย คนให้ละลาย จะสังเกตได้ว่า
กรณีที่เป็นดอกเห็ดหลินจือแดงผสมสปอร์
ถ้าเป็นดอกเห็ดหลินจือแดงสกัดจะต้องละลายน้ำได้ง่าย
เมื่อละลายกับน้ำแล้วจะมีสีน้ำตาลแดง และมีสปอร์แขวนลอยอยู่
และจะต้องไม่มีขี้เลื่อยหรือเศษไม้บน
สปอร์เห็ดหลินจือที่แตกตัวแล้วจะไม่ละลายน้ำ จะแขวนลอยอยู่
มีลักษณะคล้ายผงสีน้ำตาลแดงเข้ม รสข่มเฝื่อนๆ
เห็ดหลินจือแดงที่ผสมสปอร์จะให้คุณค่าทางยาสูงมาก
แต่ถ้านำดอกเห็ดหลินจือแดงสกัดละลายน้ำแล้ว ละลายน้ำง่ายและมีสีน้ำตาลแดง
รสข่มเฝื่อนๆ แต่ไม่มีสปอร์แขวนลอยอยู่
แสดงว่าเป็นเห็ดหลินจือสกัดเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ผสมสปอร์เลย
กรณีนี้ก็ให้คุณค่าทางยามากเหมือนกันแต่สู้กรณีแรกไม่ได้
แต่ถ้าเห็ดหลินจือละลายยากและมีขี้เลื่อยหรือเศษไม้
แสดงว่าเป็นเห็ดหลินจือบดธรรมดาไม่ใช่เห็ดหลินจือสกัด
กรณีนี้ให้คุณค่าทางยาน้อยมาก เพราะร่างกายดูดซึมไม่ได้
วิธีบริโภคเห็ดหลินจือ
เวลาที่บริโภคเห็ดหลินจือ (สำหรับเห็ดหลินจือสกัด 100%ไม่ผสมสมุนไพรตัวอื่น) ควรจะเป็นเวลาที่ท้องว่าง
เพื่อให้ร่างการดูดซีมเห็ดหลินจือได้ดี
เห็ดหลินจือไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารจึงสามารถทานก่อนอาหารได้ ยกเว้น
กรณีที่นำเห็ดหลินจือไปผสมกับสมุนไพรตัวอื่นที่ระคายเคืองกระเพาะถึงจะทาน
หลังอาหาร
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทานเห็ดหลินจือ คือ ช่วงตื่นนอนตอนเช้า
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่างที่สุด และร่างกายได้ออกกำลังกาย
หรือเคลื่อนไหว ร่างกายจะสูบฉีดเลือดได้ดี
อีกช่วงเวลาหนึ่งที่คนนิยมทานเห็ดหลินจือ คือช่วงเวลาก่อนนอน
ซึ่งควรจะทานเห็ดหลินหลินจือก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง
มิใช่ทานเห็ดหลินจือแล้วเข้านอนเลย เหตุผลที่ให้ทานก่อนเข้านอน 1
ชั่วโมงก็เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาสูบฉีดเห็ดหลินจือไปตามส่วนของร่างกาย
ก่อน
เนื่องจากในขณะที่คนเรานอนหลับหัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดีเท่าตอนที่เราตื่นนั่น
เอง
ปริมาณในการทานเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่บำรุงตับ หัวใจและไต
ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จัดเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับบำรุงร่างกาย
และปลอดภัยในการทางระยะยาว
ส่วนปริมาณการทานนั้นขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและวัตถุประสงค์
แนะนำการทานอย่างคร่าวๆ ดังนี้
- กรณีที่ใช้เห็ดหลินจือบำรุงร่างกาย ทาน 1-2 แคปซูล ต่อวัน
- กรณีที่ใช้เห็ดหลินจือป้องกันโรค ทาน 3-4 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 2 ช่วงเวลา
- กรณีที่รักษาโรคที่ไม่ร้ายแรง ทาน 4-6 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 2 ช่วงเวลา
- กรณีที่รักษาโรคร้ายแรง ทาน 12 - 16 แคปซูล ต่อวัน แบ่งทาน 3 ช่วงเวลา
Link: เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ [lingzhi]
สารสำคัญในเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรค
เห็ดหลินจือกับโรคหัวใจ
เห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง
เห็ดหลินจือ- มะเร็งลำไส้ใหญ่
วิจัยเห็ดหลินจือกับโรคมะเร็ง
วิธีการบริโภคเห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ กาโน-เห็ดหลินจือแดง 6 สายพันธุ์ รากและดอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น